""พญาอินทรี""
(พระธรรมทูต เปรียบได้กับพญาอินทรี อย่างไร?)
.............
เจ้าพญา ผู้พิทักษ์ เหล่าปักษี
แม่อินทรีย์ จอมวิหค ผกเวหา
ผู้เป็นใหญ่ ในขุนเขา เฝ้าพนา
ครองนภา อากาศกว้าง อย่างทระนง
มีคุณธรรม อันยิ่งใหญ่ ให้เล่าขาน
พญานก สืบสาน อย่างได้ผล
คือวิธี เลี้ยงลูกน้อย ให้คอยยล
ขอทุกคน ติดตามกลอน ตอนต่อไป
พญานก จะขยัน หมั่นหาเหยื่อ
มาแผ่เผื่อ ลูกนก จิตสดใส
เฝ้าเป็นห่วง ลูกน้อย ผู้กลอยใจ
คอยห่วงใย ถนอม กล่อมลูกยา
สายตาสอด ส่องภัย ให้แก่ลูก
จิตฝังผูก กลัวลูกหล่น ลงเวหา
หมั่นนอนกก ให้อบอุ่น แก่ลูกยา
วันเวลา ผ่านไป จนใหญ่โต
ลูกทุกตัว เติบใหญ่ อย่างได้ผล
ต่างซุกซน บนรังรัก อยากบินโผ
มองเห็นแม่ โผผิน บินโฉบโชว์
ต่างอยากโผ บินข้าม ตามมารดา
พญานก บินว่อน เพื่อสอนลูก
ให้รีบลุก ปลุกใจ ให้ถลา
สอนให้บิน กระโจน ร่อนโผนมา
ถึงเวลา ลูกรัก จักโบยบิน
ลูกพญา อินทรีย์หนอ พอได้ฟัง
ต่างก็ย่าง เตาะแตะมา ใกล้ผาหิน
บางตัวกล้า เดินต้วมเตี้ยม เตรียมจะบิน
บางตัวสิ้น แรงหด ตกจากรัง
ตัวที่แข็ง แรงมี ปรี่ขึ้นฟ้า
ตัวที่แรง อ่อนหล้า คราหมดหวัง
ต่างตกเหว ชีวิน ก็ภินท์พัง
ฝากเป็นเรื่อง ความหลัง ที่ยังงง
สุดวิสัย ที่แม่อินทรีย์ จะปรี่รับ
สุดวิสัย ที่จะคาบ ตามประสงค์
จึงปล่อยให้ ลูกตัวนิด มาปลิดปลง
เพราะประสงค์ ลูกที่แข็ง แรงเท่านั้น
เปรียบประดุจ ชีวิตเรา เฝ้าฝึกฝน
สู้อดทน หนักเบา เฝ้าขยัน
จึงจะรอด ปลอดภัย ไร้โทษทัณฑ์
ส่วนผู้ที่ ประมาทนั้น พลันมลาย
เหมือนลูกนก อินทรีย์ ที่สาธก
นำมาถก ชี้แจง แถลงไข
เป็นตำนาน พญาอินทรีย์ ระบือไกล
เลี้ยงลูกน้อย เติบใหญ่ ปล่อยให้ตาย
เลือกลูกน้อย ที่สดใส ให้คงอยู่
เพื่อต่อสู้ อุปสรรค อย่างสมหมาย
ปล่อยลูกน้อย กำลังเพลา ไม่เอาใจ
ให้ล่วงหล่น ลงเหวใหญ่ ไพรพนา
พระธรรมทูต ก็เช่นกัน ผ่านมาได้
ที่ล้วนแล้ว เอาใจใส่ ใฝ่ศึกษา
จึงสอบผ่าน ภาคจิตะ ภาวนา
สู่ภาควิชา- การกัน อย่างมั่นคง
ส่วนผู้ที่ อ่อนแอ ไม่แผ่เผื่อ
ไม่เอื้อเฟื้อ คำสั่ง อย่างเหมาะสม
จึงถึงการ ถูกทิ้งไว้ ในกลางดง
เลยหัวลง เอวัง กลับรังเดิม
(พระธรรมทูต เปรียบได้กับพญาอินทรี อย่างไร?)
.............
เจ้าพญา ผู้พิทักษ์ เหล่าปักษี
แม่อินทรีย์ จอมวิหค ผกเวหา
ผู้เป็นใหญ่ ในขุนเขา เฝ้าพนา
ครองนภา อากาศกว้าง อย่างทระนง
มีคุณธรรม อันยิ่งใหญ่ ให้เล่าขาน
พญานก สืบสาน อย่างได้ผล
คือวิธี เลี้ยงลูกน้อย ให้คอยยล
ขอทุกคน ติดตามกลอน ตอนต่อไป
พญานก จะขยัน หมั่นหาเหยื่อ
มาแผ่เผื่อ ลูกนก จิตสดใส
เฝ้าเป็นห่วง ลูกน้อย ผู้กลอยใจ
คอยห่วงใย ถนอม กล่อมลูกยา
สายตาสอด ส่องภัย ให้แก่ลูก
จิตฝังผูก กลัวลูกหล่น ลงเวหา
หมั่นนอนกก ให้อบอุ่น แก่ลูกยา
วันเวลา ผ่านไป จนใหญ่โต
ลูกทุกตัว เติบใหญ่ อย่างได้ผล
ต่างซุกซน บนรังรัก อยากบินโผ
มองเห็นแม่ โผผิน บินโฉบโชว์
ต่างอยากโผ บินข้าม ตามมารดา
พญานก บินว่อน เพื่อสอนลูก
ให้รีบลุก ปลุกใจ ให้ถลา
สอนให้บิน กระโจน ร่อนโผนมา
ถึงเวลา ลูกรัก จักโบยบิน
ลูกพญา อินทรีย์หนอ พอได้ฟัง
ต่างก็ย่าง เตาะแตะมา ใกล้ผาหิน
บางตัวกล้า เดินต้วมเตี้ยม เตรียมจะบิน
บางตัวสิ้น แรงหด ตกจากรัง
ตัวที่แข็ง แรงมี ปรี่ขึ้นฟ้า
ตัวที่แรง อ่อนหล้า คราหมดหวัง
ต่างตกเหว ชีวิน ก็ภินท์พัง
ฝากเป็นเรื่อง ความหลัง ที่ยังงง
สุดวิสัย ที่แม่อินทรีย์ จะปรี่รับ
สุดวิสัย ที่จะคาบ ตามประสงค์
จึงปล่อยให้ ลูกตัวนิด มาปลิดปลง
เพราะประสงค์ ลูกที่แข็ง แรงเท่านั้น
เปรียบประดุจ ชีวิตเรา เฝ้าฝึกฝน
สู้อดทน หนักเบา เฝ้าขยัน
จึงจะรอด ปลอดภัย ไร้โทษทัณฑ์
ส่วนผู้ที่ ประมาทนั้น พลันมลาย
เหมือนลูกนก อินทรีย์ ที่สาธก
นำมาถก ชี้แจง แถลงไข
เป็นตำนาน พญาอินทรีย์ ระบือไกล
เลี้ยงลูกน้อย เติบใหญ่ ปล่อยให้ตาย
เลือกลูกน้อย ที่สดใส ให้คงอยู่
เพื่อต่อสู้ อุปสรรค อย่างสมหมาย
ปล่อยลูกน้อย กำลังเพลา ไม่เอาใจ
ให้ล่วงหล่น ลงเหวใหญ่ ไพรพนา
พระธรรมทูต ก็เช่นกัน ผ่านมาได้
ที่ล้วนแล้ว เอาใจใส่ ใฝ่ศึกษา
จึงสอบผ่าน ภาคจิตะ ภาวนา
สู่ภาควิชา- การกัน อย่างมั่นคง
ส่วนผู้ที่ อ่อนแอ ไม่แผ่เผื่อ
ไม่เอื้อเฟื้อ คำสั่ง อย่างเหมาะสม
จึงถึงการ ถูกทิ้งไว้ ในกลางดง
เลยหัวลง เอวัง กลับรังเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น